ในขณะที่เทรนด์ฮิตเกี่ยวกับสุขภาพ และการออกกำลังกายในฟิตเนสของผู้ใหญ่กำลังมาแรง แล้วสำหรับเด็กๆ ล่ะ?? มีท่าออกกำลังกายท่าไหน หรือแบบไหนบ้างที่สามารถนำไปประยุกต์เพื่อสร้างสุขภาพที่ดีให้กับพวกเขา พร้อมได้ความสนุกสนานเหมือนกับการออกกำลังกายแบบผู้ใหญ่ได้บ้างหรือไม่??
วันนี้เรามีคำตอบจาก โค้ชต๊อด – ภานุพงศ์ วิชาชู กรรมการ บริษัท เอ็นพีที ฟิตเนส (BAAM FITNESS) เทรนเนอร์ผู้มากความสามารถ และประสบการณ์จากสถาบัน FIT Thailand และ ACE สถาบันที่ออกใบรับรองการเป็นเทรนเนอร์สากล เพื่อให้พ่อแม่ผู้ปกครอง และเด็กๆ ได้เอาไปลองออกกำลังกายด้วยกัน หรือจะเอาไปประยุกต์สร้างฐานสนุกๆ ให้พวกเค้าได้เล่นตามเทรนด์ฮิตฟิตเนสแบบง่ายๆ ดังนี้…
สำหรับเด็กที่อยู่ในช่วงอายุ 5-14 ปี ท่าทางที่เหมาะสมกับพวกเขาจริงๆ ควรจะเป็นท่าที่สร้างเสริมให้เขาได้มีพัฒนาการทั้งทางร่างกายและสมองแบบรอบด้าน แต่ไม่จำเป็นต้องเน้นการใช้พละกำลังหรือกล้ามเนื้อมากนัก ซึ่งท่าที่ช่วยเพิ่มความกระฉับกระเฉงคล่องตัว และเน้นการเคลื่อนไหวจะเหมาะสมมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง การกระโดดอยู่กับที่ การเล่นกับด่านหรือฐานที่มีตัวเลขให้เขาสนุกได้ และไม่ทำอะไรที่ดูมีแบบแผนเกินไป เพราะจะทำน่าเบื่อและถอดใจไปก่อนที่จะออกกำลังกายจนครบเวลา
ซึ่งถ้าผู้ใหญ่อย่างพ่อแม่ ผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมหรือช่วยได้ก็จะดีมากๆ อย่าง การจัดเตรียมอุปกรณ์ อย่างพวกกล่อง หรือบ็อกซ์ต่างๆ มาสร้างเป็นสเต็ป เป็นฐานให้เขาได้กระโดดข้าม หรือเตรียมกรวยมาทำเป็นเครื่องกีดขวางเล็กๆ ก็เพียงพอแล้ว ซึ่งที่สำคัญก็คือจะต้องเป็นท่าที่ครอบคลุมการเคลื่อนไหวในทุกๆ ส่วน ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้า ด้านข้าง หรือด้านหลัง โดยไม่ต้องมีอุปกรณ์แรงต้าน แต่ใช้การทำบอดี้เวทด้วยน้ำหนักของตัวเอง ตรงนี้ก็ทำให้พวกเขาสนุกและมีสุขภาพที่ดีได้ รวมถึงการห้อยโหน ได้ปีน ได้จับ ได้พยายามใช้การยืดกล้ามเนื้อเพื่อเคลื่อนตัวไปข้างหน้า ก็จะช่วยสร้างกล้ามเนื้อมัดมัดใหญ่ให้แข็งแรงได้ดีด้วย ซึ่งผู้ใหญ่อย่างเราก็ควรต้องช่วยพวกเขาใสส่วนนี้ครับ ซึ่งวันนี้เรามี 5 การเล่นที่มีลักษณะคล้ายกับการฟิตเนสของผู้ใหญ่มาให้เด็กๆ เขาได้ออกกำลังกายกัน กับท่า…
กระโดด หรือเรียกว่า Broad Jump ซึ่งเป็นการกระโดดไปข้างหน้า อย่างเช่น วิ่งๆๆ อยู่กับที่แล้วกระโดดไปทางด้านหน้า อย่างถ้ามีแผ่นป้ายตัวเลข ก็สามารถชูแผ่นป้ายให้เขากระโดดตามตัวเลขที่เราต้องการได้ ซึ่งตรงนี้จะช่วยฝึกทักษะและพัฒนาระบบ Vertical หรือการฝึกร่างกายในแนวดิ่งให้กับเขาได้ ซึ่งเหมาะสำหรับเด็กๆ วัยนี้ ที่กระดูกกำลังยืดเลย เพราะการกระโดดจะช่วยยืด ช่วยให้เกิดการซ่อมแซมกล้ามเนื้อและกระดูก มีผลต่อการซับพอร์ทในเรื่องความสูงได้ ซึ่งที่ส่งผลดีต่อการหลั่งโกรทฮอร์โมนได้มากขึ้นด้วย
ท่าเคลื่อนไหวแบบคล่องตัว หรือแบบเร็วๆ ในระยะเวลาสั้นๆ หรือการ Hops เช่น ท่ากระโดดขาเดียว จากขวามาซ้าย หรือซ้ายมาขวา อาจออกแบบการเล่นเป็นการให้เขาได้กระโดดเก็บของ โดยการนับ 1 2 3 แล้วกระโดดสลับขา หรือถ้าจะเปรียบเทียบกับการละเล่นโบราณอย่างพวกตั้งเต กระต่ายขาเดียวก็ได้ แค่ต้องกระโดดให้ต่อเนื่อง อาจใช้กติกาเป็นการกระโดดไล่จับเพื่อนด้วยขาข้างเดียวภายใน 10 วินาที จากนั้นจึงค่อยเปลี่ยนข้าง ซึ่งจะช่วยในเรื่องของการทรงตัวครับ
การเล่นที่ต้องคิดระหว่างการเล่น อย่างเช่น บอลลูน หรือ เตย โดยให้ทายชื่อจังหวัด ชื่อเมือง ชื่อประเทศ หรือทวีป ที่มีกติกาว่า หากใครตอบถูกจะได้ผ่านด่าน ส่วนใครที่คิดไม่ออกหรือตอบไม่ถูกก็จะต้องโดนกักตัวไว้ ซึ่งการเล่นแบบนี้จะได้วิ่ง ได้คิด ได้ฝึกความว่องไวทั้งสมองและร่างกาย ซึ่งเป็นการฝึกระบบประสาทส่วนกลางควบคู่ไปด้วย จึงทำให้พวกเขาได้ฝึกใช้ทั้งสองส่วนไปพร้อมๆ กัน รวมทั้งได้ฝึกการคิดแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งถือเป็นการฝึกแบบรีเฟล็กซ์ทีฟกล้ามเนื้อด้วยการคิดและเคลื่อนไหว ที่เขาจะได้ประโยชน์ครบทุกด้านนั่นเองครับ
ท่าฝึกการยืดหยุ่น ที่เน้นการโหนบาร์ หรือปีนป่าย ไต่บันไดลิง เพื่อให้เขาได้รู้จักการห้อยโหน ที่จะช่วยในเรื่องของการทรงตัวและเพิ่มความยืดหยุ่น ซึ่งจะลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดอาการบาดเจ็บของเด็กๆ ได้ เมื่อเขามีการยืดหยุ่นเยอะ กล้ามเนื้อก็จะไปช่วยเซฟกระดูก หรือจะใช้วิธีการยืด เหยียดขา พับตัวลงมาแตะปลายเท้าก็ทำได้หมด ที่สำคัญท่าเหล่านี้จะช่วยปรับสรีระให้กับเด็กๆ ให้ดีขึ้นได้อีกด้วย
ท่าฝึกแกนกลางลำตัว หรือ ซุปเปอร์แมนโพส (Superman Post) เป็นท่าที่คล้ายกับท่าของผู้ใหญ่ แต่จะเน้นในเรื่องของการสร้างความแข็งแรงและสุขภาพ มากกว่าเพิ่มความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อที่มากเกินไป ซึ่งท่าจะมีลักษณะคล้ายกับท่าบินของซุปเปอร์แมน เริ่มต้นด้วยการนอนคว่ำ แล้วเหยียดแขนไปด้านหน้าเหมือนกำลังจะบิน พร้อมยกหน้าอกและขาให้ลอยขึ้นเหนือพื้นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยใช้กล้ามเนื้อกลางลำตัวประคองท่าและค้างไว้
ซึ่งแต่ละท่าไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานเท่าผู้ใหญ่ แต่ให้เน้นความสนุก และใช้เวลาสั้นๆ ให้เด็กๆ เขาสามารถทำได้จนครบท่าจะดีกว่า แต่อาจจะใช้การวนทำท่าเดิมสักท่าละ 3 เซ็ต แต่ถ้าท่าไหนหรือการเล่นอะไรเป็นสิ่งที่เด็ก ๆ เขาชอบ และมีสมาธิจดจ่ออยู่กับตรงนั้นได้ดี ก็สามารถเพิ่มเวลาตามที่เขาต้องการได้เลย เพราะถ้าหากเขาได้ออกกำลังกายด้วยความสนุก เขาก็จะมีความสุขและส่งผลไปถึงเรื่องของจิตใจ และพัฒนาการทางร่างกายที่ดีด้วยเช่นกันครับ “ออกมาเล่น 60 นาที แอคทีฟทุกวัน” กันดีกว่าครับ